EP แรกของ SOS จะขอเริ่มด้วยเรื่องที่เราได้ยินกันมานาน แต่ไม่ได้ใส่ใจ จนมันเริ่มแสดงผลให้เห็นชัดในปัจจุบัน นั่นก็คือ Climate Change
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เกิดกระแส นักเรียนระดับประถม มัธยมทั่วโลก ออกมาประท้วงเรื่อง climate change โดย global movement นี้ เริ่มมาจาก เด็กผู้หญิงอายุ 16 ชื่อ Greta Thunberg ไปนั่งประท้วงหน้ารัฐสภาของสวีเดนในเดือนสิงหาคมปี 2018 พร้อมป้าย „School strike for the climate“ หยุดเรียนประท้วงเพื่อสภาพอากาศ
ที่ไทยมีเด็ก ๆ ออกมาประท้วงเช่นกัน ใน วันศุกร์ เสาร์ที่ 15-16 มีนาคม 2019 หน้าสำนักนายก และแนวรถไฟฟ้า
Greta ให้เหตุผลถึงการหยุดเรียน แล้วมานั่งประท้วง โดยที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองว่า „Our future is at risk“ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะส่งผลกระทบตลอดชีวิตของเรา ซึ่งมันไม่ใช่ว่าสิ่งเหล่านี้ „อาจจะ“ เกิดขึ้นในอนาคต แต่มันเกิดขึ้นแล้วตอนนี้ ที่นี่ และมันจะเลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่ทำอะไรจริงจัง
ซึ่งตอนนี้เรา หมายถึง ประชากรโลก ได้พากันเดินมาถึง จุดท่ีไม่สามารถป้องกันภัยจากสภาพอากาศไม่ให้เกิดขึ้น แต่อยู่ในจุดที่ต้องพยายามลดทอนความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากสภาวะโลกร้อน
ในบทสัมภาษณ์ยังกล่าวถึงบทบาทของสื่อที่ไม่พูดถึงเรื่องวิกฤตการณ์สภาวะอากาศเท่าที่ควร ซึ่งนั่นก็แย่พอ ๆ กับการปฏิเสธว่าสภาวะโลกร้อนไม่มีจริง
น้องยังได้ตั้งคำถามกับผู้ใหญ่ว่า „Why should we study for a future that may not exist any more?“ ซึ่งผู้ใหญ่อย่างเรา พิจารณาจากพฤติกรรมในปัจจุบัน ณ ขณะนี้ ไม่สามารถรับประกันกับเด็ก ๆ ได้ว่าสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นพืชพันธุ์ สัตว์ป่า หรือพะยูน จะอยู่ให้รุ่นหลานเราเห็นรึเปล่า?
น้องยังให้สัมภาษณ์ ถึงวันแรกที่ตัดสินใจไปนั่งประท้วง ว่าเธอรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะทุกคนเดินผ่านเธอไป โดยไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกมีความหวัง
มีคนถามเธอมากมายว่ารู้สึกสิ้นหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาควรทำอย่างไร? เธอแนะนำง่าย ๆ ว่า „แค่ลงมือทำซะ“
แล้วดูสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เธอได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ทั่วโลก ออกมาแสดงเจตนารมณ์ เรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในวันนี้ ออกมาทำอะไรที่จริงจัง เพื่อลดทอนวิกฤตการณ์นี้
บทสัมภาษณ์ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า อาวุธที่อันตรายที่สุดที่คนชอบใช้ คือการพยายามที่จะทำให้คุณคิดว่า ตัวคุณเองไม่มีความสำคัญอะไร
ซึ่งนั่นไม่ใช่ความจริง
วันนี้คุณได้เป็นส่วนหนึ่งของการลดทอนความรุนแรงของ climate change หรือเป็นส่วนที่ทำให้วิกฤตการณ์นี้รุนแรงมากขึ้น?